เรียน ACT Science/ติว ACT Science : รวม 5 strategy อ่าน ACT Science passage ให้ทัน 5 นาทีต่อ passage!
ข้อสอบ ACT Science จะดูยากมากหรือง่ายมาก ก็แล้วแต่จะมอง บางคนบอกว่ายากมาก บางคนบอกว่าชิวๆ สำหรับใครก็ตามที่มองว่า ACT Science มันยาก ใน Blog นี้ พี่ๆ KPH จะช่วยน้องๆ หาวิธีที่จะทำให้ ACT Science ง่ายลง!
.
พี่ๆ เคยบอกไปในบทความก่อนหน้านี้ว่า ACT Science เน้นการอ่านมากกว่าวิทยาศาสตร์จริงๆ ดังนั้น ถ้าน้องๆ อยากทำคะแนนได้ดีใน ACT Science น้องๆ จำเป็นต้องมี Strategy การอ่านที่ดี ฟังดูอาจจะขัดกับสิ่งที่คิดใช่ไหม?
.
มันคงจะดี ถ้าเราสามารถใช้ เพียง 1 strategy กับการอ่านกับ passage ทุก passage ใน ACT Science ได้ แต่ความจริงคือไม่มี strategy ใดที่ใช้ได้ผลกับ passage ทุกแบบของ ACT Science น้องๆ ควรปรับวิธีการอ่านตามประเภทของ passage ถ้าน้องๆ ยังไม่คุ้นเคยกับ 3 ประเภทของบทความ ACT Science พี่ๆ แนะนำให้อ่าน Blog อื่นของพี่ๆ ก่อน
.
ใน Blog นี้ พี่ๆ จะสรุป strategy การอ่าน ACT Science ทั้งหมดที่พี่ๆ เคยลองและสอนนักเรียนมาแล้ว และจะจัดลำดับเทคนิคจากดีที่สุดไปจนถึงแย่ที่สุด พี่ๆ รวบรวมมาให้หลายๆ strategy เพราะบางครั้ง strategy ที่พี่ๆ ชอบอาจจะไม่เหมาะกับน้องๆ เสมอไป
ลองค้นหา strategy ที่เหมาะกับตัวเอง แล้วทำให้ ACT Science เป็นเรื่องง่ายลงซะ!
สรุปประเภทของบทความใน ACT Science
อย่างที่พี่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า แต่ละ passage ใช้ strategy ไม่เหมือนกัน ดังนั้นพี่จะมาสรุปคร่าวๆให้ฟังก่อนว่าข้อสอบ ACT science มี passage ประเภทใดบ้าง ใน ACT Science มีบทความ 3 ประเภทหลักๆ คือ:
3 Data Representation Passages
3 Research Summary Passages
1 Conflicting Viewpoints Passage
บทความประเภท Data Representation และ Research Summary มีความคล้ายกันมาก เพราะทั้งคู่ใช้ภาพ เช่น กราฟและตาราง เป็นสื่อหลักในการนำเสนอข้อมูล ซึ่งเราจะใช้กลยุทธ์เดียวกันในการอ่านบทความทั้งสองประเภทนี้
บทความ Conflicting Viewpoints เป็นบทความที่ไม่เหมือนใคร เพราะมักจะไม่มีภาพประกอบเลย เราจะใช้วิธีการอ่านที่แตกต่างกัน 2 วิธีสำหรับบทความนี้
Reading Strategy สำหรับ Data Representation และ Research Summary Passages
อย่างที่พี่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ passage แต่ละประเภทจะใช้ strategy ต่างกัน สำหรับประเภท Data Representation และ Research Analysis นั้นๆ พี่ได้รวบรวมมาให้ทั้งหมด 3 strategy ให้น้องได้เลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด
เมื่อน้องๆนำ strategy การอ่านไปใช้ น้องๆ ไม่ควรลองใช้เพียงครั้งเดียวแล้วเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์อื่นทันที กลยุทธ์ไหนที่ลองครั้งแรกมักจะไม่สมบูรณ์แบบ น้องๆ ควรลองใช้กลยุทธ์นี้ในการทำข้อสอบ ACT Science 2-3 ชุดเต็มๆ ก่อน หากยังรู้สึกไม่ถนัดจึงค่อยเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์อื่น
Strategy# 1: ข้ามบทความแล้วไปที่คำถามเลย
เริ่มต้นโดยการอ่านคำถามทันที โดยพยายามตอบคำถามทั้งหมดโดยใช้เพียงกราฟ ตาราง หรือภาพประกอบอื่นๆ ถ้าคำถามไหนที่น้องๆ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมในการตอบ ให้ข้ามไปก่อน แล้วกลับมาดูคำถามนั้นอีกทีหลังจากตอบคำถามที่ใช้แค่ภาพประกอบได้แล้ว เมื่อน้องๆ กลับมาที่คำถามที่ข้ามไว้ ค่อยอ่านบทความแบบผ่านๆ แล้วพยายามตอบคำถามนั้นใหม่ ลองดูตัวอย่างด้านล่างได้เลย
Example Passage
Scientific Study on Plant Growth at Different Light Levels
Researchers conducted a study to observe how different light intensities affect the growth of a specific plant species. Plants were grown under three light conditions: low, medium, and high. Each week, researchers measured the average plant height in centimeters (cm).
Light Intensity | Week 1 | Week 2 | Week 3 | Week 4 |
Low | 2 cm | 3 cm | 4 cm | 5 cm |
Medium | 2 cm | 4 cm | 7 cm | 9 cm |
High | 2 cm | 5 cm | 9 cm | 12 cm |
Example Questions
At which light intensity do plants grow the most by Week 4?
A) Low
B) Medium
C) High
How much taller are the plants under medium light compared to low light by Week 4?
A) 1 cm
B) 2 cm
C) 3 cm
D) 4 cm
If the trend continues, what is the estimated height of plants in high light by Week 5?
A) 11 cm
B) 13 cm
C) 15 cm
D) 18 cm
น้องๆ ลองใช้เทคนิคนี้ดูเลย! อย่าเพิ่งอ่านเนื้อหาทั้งหมด ให้ไปดูที่คำถามก่อน แล้วพยายามตอบคำถามโดยใช้แค่กราฟหรือข้อมูลในตาราง ถ้าเจอคำถามไหนที่คิดว่าต้องอ่านเนื้อหาจริงๆ แล้วค่อยกลับไปอ่าน เรามาดูกันว่าทำได้ยังไงบ้าง!
Step-by-Step Answering
คำถามแรก: "At which light intensity do plants grow the most by Week 4?"
ให้ดูแค่กราฟก็พอ น้องๆ จะเห็นว่าใน Week 4 ค่าเฉลี่ยของความสูงที่สูงที่สุดคือในช่อง "High" (12 cm) เลยตอบได้เลยว่า ตอบ C) High โดยไม่ต้องอ่านเนื้อหาเลย
คำถามที่สอง: "How much taller are the plants under medium light compared to low light by Week 4?"
คำถามนี้ให้เราเปรียบเทียบความสูงระหว่าง "Medium" กับ "Low" ใน Week 4
จากกราฟ น้องๆ จะเห็นว่า "Medium" มีความสูง 9 cm และ "Low" มีความสูง 5 cm ความแตกต่างคือ 4 cm ดังนั้น ตอบ D) 4 cm
คำถามที่สาม: "If the trend continues, what is the estimated height of plants in high light by Week 5?"
คำถามนี้ท้าทายนิดหน่อย เพราะต้องดูแนวโน้มของข้อมูลในช่อง "High" ที่เพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ (2, 5, 9, 12 cm) น้องๆ อาจสังเกตได้ว่าแต่ละอาทิตย์จะเพิ่มประมาณ 3 cm ดังนั้นใน Week 5 ก็จะเพิ่มขึ้นอีก 3 cm ทำให้ ตอบได้ว่า C) 15 cm
สรุปเทคนิค
การข้ามการอ่านเนื้อหาแล้วไปที่คำถามเลยช่วยให้น้องๆ ประหยัดเวลาได้เยอะ โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลหลักๆ อยู่ในกราฟหรือตาราง น้องๆ จะเห็นว่าคำถามส่วนใหญ่สามารถตอบได้แค่ดูที่ตัวเลข ไม่ต้องสนใจรายละเอียดหรือคำอธิบายในเนื้อหาทั้งหมด ซึ่งช่วยให้น้องๆ ผ่านคำถามได้เร็วขึ้น แต่ถ้ามีคำถามไหนที่ยังไม่แน่ใจ ก็ค่อยกลับไปอ่านเนื้อหาคร่าวๆ แค่จุดสำคัญก็พอ
พี่ๆ คิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด และพบว่าได้ผลมากที่สุดสำหรับพี่ๆ เองและนักเรียนส่วนใหญ่ที่พี่ๆ ติวด้วย ด้วยเวลาที่จำกัดเพียง 52.5 วินาทีต่อคำถาม วิธีนี้ช่วยให้น้องๆ ใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะถ้าน้องๆ รู้สึกว่ามักจะทำข้อสอบไม่ทันและยังไม่ได้พิจารณาทุกคำถาม
Strategy# 2: อ่านผ่านๆ แล้วค่อยอ่านคำถาม
นี่เป็นวิธีที่ดีรองลงมา ถ้าน้องๆ รู้สึกว่าตอบคำถามโดยไม่มีบริบทมาก่อนยากเกินไป ลองใช้วิธีนี้
ให้น้องๆ อ่านบทความแบบคร่าวๆ เพื่อหาคำสำคัญที่บอกว่าบทความนี้เกี่ยวกับอะไร คำที่บอกถึงแนวโน้ม เช่น เพิ่มขึ้นหรือลดลง และคำที่แสดงถึงความแตกต่าง เช่น สูง ต่ำ ใหญ่ หรือเล็ก น้องๆ ควรวงหรือขีดเส้นใต้คำเหล่านี้ขณะที่อ่านผ่านๆ คำเหล่านี้มักจะเป็นสิ่งที่คำถามอ้างอิงในบทความ Data Representation และ Research Summaries
เราจะลองใช้กลยุทธ์นี้กับบทความที่มากับคำถามที่อยู่ข้างบน
Example Passage
Study on the Effects of Temperature on Enzyme Activity
Researchers measured the rate of enzyme activity at different temperatures to understand how temperature affects the speed of chemical reactions in living organisms. The study tested three temperature conditions: low (10°C), medium (25°C), and high (40°C). They measured the reaction rate at each temperature and recorded the results in the table below.
Temperature (°C) | Reaction Rate (µmol/min) |
10 (Low) | 5 |
25 (Medium) | 15 |
40 (High) | 8 |
Note: Enzyme activity generally increases with temperature until it reaches an optimal level, after which the activity decreases.
Example Question
At which temperature does the enzyme activity reach its peak?
10°C
25°C
40°C
Step-by-Step Skimming
เริ่มต้นด้วยการ Skim Passage
ให้เริ่มอ่านอย่างรวดเร็วและเน้นหาคำสำคัญ เช่น "low (10°C)", "medium (25°C)", "high (40°C)" รวมถึงคำที่บอกถึงการเพิ่มหรือลด เช่น "increases" หรือ "decreases"
สังเกตว่าคำว่า "increases with temperature" ปรากฏอยู่ และคำว่า "optimal level" แปลว่ายังมีจุดที่เอนไซม์ทำงานได้ดีที่สุด
ทำเครื่องหมายคำที่สำคัญ
น้องๆ อาจจะขีดเส้นใต้หรือวงคำสำคัญเช่น "25°C" ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่มีค่า "15 µmol/min" ซึ่งสูงที่สุดในตาราง
Answering the Question
คำถามแรก: "At which temperature does the enzyme activity reach its peak?"
จากที่ skim ข้อมูลมา น้องๆ จะสังเกตได้ว่าอัตราการเกิดปฏิกิริยา (Reaction Rate) สูงสุดคือที่อุณหภูมิ 25°C ซึ่งมีค่า 15 µmol/min ดังนั้นคำตอบคือ B) 25°C
สรุปเทคนิค
การใช้วิธี Skim ช่วยให้น้องๆ เข้าใจภาพรวมได้เร็วโดยไม่ต้องอ่านละเอียดทั้งหมด เทคนิคนี้จะช่วยให้น้องๆ จับจุดสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำถาม เช่น อุณหภูมิที่แตกต่างกันหรือแนวโน้มในการเปลี่ยนแปลง การทำเครื่องหมายคำสำคัญในตอนที่ Skim จะช่วยให้น้องๆ เจอข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ง่ายเวลาตอบคำถาม ประหยัดเวลาและลดความสับสนได้เยอะเลย!
การอ่านผ่านๆ ก่อนอาจไม่จำเป็นและอาจทำให้น้องๆ บางคนช้าลงได้ แต่ถ้าน้องๆ รู้สึกสับสนเวลาอ่านคำถามโดยไม่มีบริบทใดๆ วิธีที่ 1 อาจทำให้น้องๆ ใช้เวลามากขึ้นในการพยายามเข้าใจว่าคำถามต้องการถามอะไร ลองใช้วิธีที่ 2 ถ้าน้องๆ ลองวิธีที่ 1 แล้วพบว่ายังมีปัญหาเรื่องการจับเวลา หรือยังตอบคำถามได้ไม่ถูกต้อง
ถ้าทั้งวิธีที่ 1 และ 2 ยังไม่ช่วยให้น้องๆ ไปถึงเป้าหมายคะแนนของตัวเองได้ ลองใช้วิธีที่ 3 เป็นทางเลือกสุดท้าย
Strategy# 3: อ่านบทความทั้งหมดก่อน
พี่ๆ ไม่แนะนำวิธีนี้ แต่ถ้าวิธีที่ 1 และ 2 ไม่ได้ผลสำหรับน้องๆ วิธีนี้อาจเป็นทางเลือกสุดท้ายได้ ลองดูบทความตัวอย่างด้านล่างนี้ได้เลย
Example Passage
Study on Cloud Formation and Temperature Variability
In an effort to understand the relationship between temperature and the formation rate of high-altitude clouds, researchers examined cloud formation under three temperature conditions: low (-10°C), moderate (0°C), and high (10°C). Cloud types were categorized by altitude, as follows: low clouds (0–2 km), medium clouds (2–5 km), and high clouds (5–10 km).
During the experiment, the scientists measured the formation rate of clouds per minute and noted distinct differences in cloud types at various temperatures. The formation rate was determined by the number of new cloud particles appearing within each altitude range during a fixed observation period. It was observed that cloud formation rates increased with higher temperatures up to a specific point, after which the rate either plateaued or decreased depending on the altitude range. This trend was most noticeable in high clouds, as seen in the table below.
Altitude (km) | Temperature (°C) | Average Cloud Formation Rate (clouds/min) |
Low (0–2 km) | -10 | 3 |
Low (0–2 km) | 0 | 5 |
Low (0–2 km) | 10 | 6 |
Medium (2–5 km) | -10 | 2 |
Medium (2–5 km) | 0 | 6 |
Medium (2–5 km) | 10 | 7 |
High (5–10 km) | -10 | 1 |
High (5–10 km) | 0 | 4 |
High (5–10 km) | 10 | 9 |
Example Question
Under which temperature condition do high clouds form most rapidly?
A) -10°C
B) 0°C
C) 10°C
การใช้เทคนิคอ่านเนื้อหาทั้งหมดเหมาะกับกรณีที่น้องๆ รู้สึกว่าต้องการทำความเข้าใจเนื้อหาก่อน โดยเฉพาะถ้าข้อมูลซับซ้อนขึ้นแบบนี้ มาลองดูขั้นตอนการใช้เทคนิคนี้กันเลย!
Step-by-Step Using the Whole Passage Approach
อ่านเนื้อหาทั้งหมดก่อน
เริ่มต้นอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมองหาคำสำคัญ เช่น “temperature,” “formation rate,” และคำบอกระดับความสูง (altitude) ซึ่งระบุช่วงต่างๆ ของการก่อตัวของเมฆ แยกข้อมูลสำคัญแต่ละส่วนเช่น อุณหภูมิที่ใช้ และค่า “clouds/min”
เข้าใจโครงสร้างและข้อมูลโดยรวม
จากตาราง น้องๆ จะเห็นว่าข้อมูลการก่อตัวของเมฆต่างกันไปตามช่วงอุณหภูมิในแต่ละระดับความสูง โดยเฉพาะที่ระดับสูง (5-10 km) ที่มีการเพิ่มขึ้นสูงสุดที่อุณหภูมิ 10°C ดังนั้นการอ่านเนื้อหาทั้งหมดช่วยให้น้องๆ เห็นว่าข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการก่อตัวของเมฆที่ระดับสูง
Answering the Question
คำถามแรก: "Under which temperature condition do high clouds form most rapidly?"
หลังจากอ่านเนื้อหาทั้งหมด น้องๆ จะเห็นว่าอัตราการก่อตัวสูงสุดที่ระดับสูง (high clouds) อยู่ที่อุณหภูมิ 10°C ในตาราง ดังนั้นคำตอบคือ C) 10°C
สรุปเทคนิค
แม้ว่าวิธีนี้จะช่วยให้น้องๆ เห็นข้อมูลทั้งหมดและตอบคำถามได้แม่นยำ แต่วิธีนี้ใช้เวลานานกว่าการข้ามไปที่คำถามเลย ดังนั้น ถ้าจำเป็นจริงๆ ถึงใช้เทคนิคนี้ เพราะการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจะทำให้เสียเวลาในการตอบข้ออื่นได้
ถ้าน้องๆ ตั้งใจจะใช้วิธีนี้จริงๆ น้องๆ ต้องสามารถอ่านบทความหรือภาพประกอบให้จบภายใน 2 นาที เพราะน้องๆ มีเวลาเพียง 5 นาทีต่อบทความ อย่าลืมเผื่อเวลาอย่างน้อย 3 นาทีสำหรับการตอบคำถาม
ถ้าน้องๆ ตั้งเป้าคะแนนระหว่าง 31-36 และไม่สามารถอ่านบทความได้ภายใน 2 นาที อย่าใช้กลยุทธ์นี้เด็ดขาด เพราะน้องๆ จะไม่สามารถทำครบทั้ง 7 บทความได้ทันเวลา แต่ถ้าน้องๆ ตั้งเป้าคะแนน 30 หรือต่ำกว่านั้น น้องๆ สามารถข้าม 1 บทความได้ ดังนั้นถ้าการอ่านของน้องๆ ช้ากว่านี้ ก็อาจใช้วิธีนี้ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าน้องๆ สามารถทำได้ครบ 6 จาก 7 บทความ พี่ๆ แนะนำให้ข้ามบทความ Conflicting Viewpoints ถ้าน้องๆ จะข้าม 1 บท
Reading Strategy สำหรับบทความ Conflicting Viewpoints
เนื่องจากบทความ Conflicting Viewpoints แทบไม่มีภาพประกอบ การใช้วิธีเดียวกันกับก่อนหน้านี้ ในการตอบคำถามจะไม่ได้ผล น้องๆ จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
Strategy# 1: อ่านบทความทั้งหมดก่อน
อะไรนะ? แต่พี่ๆ เพิ่งบอกว่านี่เป็นวิธีที่แย่ที่สุดสำหรับบทความ Research Summaries และ Data Representation ใช่ไหม? ใช่แล้ว พี่ๆ บอกแบบนั้น แต่สำหรับบทความ Conflicting Viewpoints วิธีนี้กลับเป็นวิธีที่ดีที่สุด
เพื่อจะตอบคำถามในบทความนี้ น้องๆ จำเป็นต้องอ่านบทความทั้งหมด เพื่อที่น้องๆ จะสามารถแยกความเห็นของนักวิทยาศาสตร์หรือผู้เรียนแต่ละคนออกจากกันได้ ขณะที่อ่าน น้องๆ ควรถามตัวเองคำถามเหล่านี้:
นักวิทยาศาสตร์/นักเรียนคนที่ 1 เชื่ออะไร?
นักวิทยาศาสตร์/นักเรียนคนที่ 2 เชื่ออะไร? แล้วนักวิทยาศาสตร์/นักเรียนคนที่ 3/4/5 ล่ะ? (บางครั้งจะมีมากกว่า 2 ความเห็น ในบางบทความพี่ๆ เคยเห็นมากถึง 5 ความเห็นที่ถูกพูดถึง)
ความเห็นของนักวิทยาศาสตร์/นักเรียนคนที่ 2 แตกต่างจากคนที่ 1 อย่างไร?
ความเห็นของนักวิทยาศาสตร์/นักเรียนคนที่ 2 คล้ายกับคนที่ 1 อย่างไร?
Example Passage
Conflicting Viewpoints on Climate Change Solutions
In this passage, three scientists discuss their opinions on the best approach to address climate change.
Scientist 1
reducing carbon emissions is the most critical step. Cutting emissions from fossil fuels and transitioning to renewable energy sources is essential for slowing climate change. If we don’t reduce emissions, other measures will be ineffective in the long term.
Scientist 2
While reducing carbon emissions is helpful, it’s more effective to focus on carbon capture technology. Even if we cut emissions, there will still be a large amount of carbon dioxide in the atmosphere. By investing in carbon capture, we can actively remove carbon from the air, helping to offset any new emissions.
Scientist 3
The most immediate need is adapting to climate impacts. Since climate change is already affecting communities, focusing on infrastructure improvements, such as building sea walls and improving water management, will help vulnerable areas cope with the effects of climate change. While Scientist 3 doesn’t oppose emission cuts or carbon capture, he thinks adaptation is the most urgent step.
สำหรับ Conflicting Viewpoints Passage หรือการนำเสนอความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน เทคนิคการอ่านเนื้อหาทั้งหมดเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพราะน้องๆ จำเป็นต้องเข้าใจมุมมองของแต่ละนักวิทยาศาสตร์หรือผู้ให้ความเห็น ซึ่งในกรณีนี้มีนักวิทยาศาสตร์ถึง 3 คน มาดูกันเลยว่าน้องๆ จะใช้เทคนิคนี้ยังไงได้บ้าง!
Example Question
How does Scientist 2’s viewpoint differ from Scientist 1’s viewpoint?
A) Scientist 2 believes reducing emissions is more important, while Scientist 1 believes carbon capture is more effective.
B) Scientist 2 argues for immediate adaptation strategies, while Scientist 1 focuses on reducing emissions.
C) Scientist 2 supports carbon capture, while Scientist 1 emphasizes reducing emissions.
D) Scientist 2 thinks that adaptation is the most immediate need, while Scientist 1 thinks emission cuts are sufficient.
Step-by-Step Using the Whole Passage Approach
อ่านเนื้อหาทั้งหมดเพื่อทำความเข้าใจมุมมองของแต่ละคน
ให้น้องๆ อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมจดคำหลักสำคัญเพื่อให้เห็นภาพรวมของมุมมองแต่ละคน เช่น “Scientist 1 – ลดการปล่อยคาร์บอน,” “Scientist 2 – เทคโนโลยีดักจับคาร์บอน,” “Scientist 3 – การปรับตัวต่อผลกระทบ”
ตั้งคำถามกับเนื้อหาเพื่อให้เข้าใจจุดแตกต่าง
น้องๆ ควรถามตัวเองว่า “Scientist 1 คิดยังไง?” “Scientist 2 คิดยังไง?” และ “Scientist 3 คิดยังไง?” โดยการทำเช่นนี้จะช่วยให้น้องๆ เห็นภาพความแตกต่างและจุดร่วมระหว่างความคิดของแต่ละคนได้ชัดเจนขึ้น
ระบุจุดที่แตกต่างและคล้ายกัน
ตัวอย่างเช่น Scientist 1 และ Scientist 2 ต่างก็ให้ความสำคัญกับการลดคาร์บอน แต่ Scientist 1 เน้นการลดการปล่อยจากต้นเหตุ ส่วน Scientist 2 เน้นไปที่การดักจับคาร์บอนหลังจากที่ถูกปล่อยออกมาแล้ว ส่วน Scientist 3 ไม่ได้เน้นการลดคาร์บอนเลย แต่เน้นการปรับตัวแทน
Answering the Question
คำถามแรก: "How does Scientist 2’s viewpoint differ from Scientist 1’s viewpoint?"
จากเนื้อหา น้องๆ จะเห็นว่า Scientist 1 ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอน ขณะที่ Scientist 2 สนับสนุนการดักจับคาร์บอน ดังนั้นคำตอบคือ C) Scientist 2 supports carbon capture, while Scientist 1 emphasizes reducing emissions
สรุปเทคนิค
สำหรับ Conflicting Viewpoints Passage การอ่านเนื้อหาทั้งหมดสำคัญมาก เพราะน้องๆ ต้องเข้าใจรายละเอียดและความแตกต่างของแต่ละมุมมอง การตั้งคำถามกับเนื้อหาและเน้นจับจุดต่างๆ จะช่วยให้น้องๆ ตอบคำถามได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้ามีการขัดแย้งกันมากกว่า 2 คน การอ่านเนื้อหาทั้งหมดจะช่วยลดความสับสนและเพิ่มโอกาสตอบถูก
Strategy# 2: อ่านคำถามผ่านๆ ก่อน แล้วค่อยอ่านบทความ
ถ้าน้องๆ อยากอ่านคำถามคร่าวๆ ก่อน เพื่อให้รู้ว่าต้องอ่านบทความโดยเน้นไปที่อะไร นั่นก็เป็นวิธีที่ใช้ได้เช่นกัน แต่อาจทำให้น้องๆ ช้าลง ดังนั้นพี่ๆ แนะนำให้ลองใช้ วิธีที่ 1 ก่อน อย่างเช่น จากตัวอย่างก่อนหน้านี้ คำถามต้องการ focus เฉพาะ scienctist 1 และ scientist 2 เท่านั้น เราก็กลับไปอ่านเฉพาะ scienctist 1 และ 2 ก็พอ แบบนี้เป็นต้น
สรุปแนวทางการเรียน ACT Science : ทบทวนกันอีกครั้ง
ถ้าน้องๆ อยากได้คะแนนเต็มในส่วนของ ACT Science การมีกลยุทธ์ในการอ่านที่เหมาะสมสำหรับแต่ละประเภทของ Passage เป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่มีวิธีใดที่สามารถใช้ได้กับทุก Passage ใน ACT Science
สำหรับ Data Representation และ Research Summaries Passages มี 3 วิธีหลักในการอ่าน:
ข้ามเนื้อหาแล้วไปที่คำถามเลย
Skim หรืออ่านคร่าวๆ แล้วค่อยไปที่คำถาม
อ่านเนื้อหาทั้งหมดก่อน
สำหรับ Conflicting Viewpoints Passages มี 2 วิธีหลักในการอ่าน:
อ่านเนื้อหาทั้งหมดก่อน
Skim คำถามคร่าวๆ ก่อนแล้วค่อยอ่านเนื้อหา
ลองใช้วิธีที่ 1 ก่อน หากน้องๆ ลองใช้วิธีนี้กับข้อสอบ ACT Science สัก 2-3 ชุดแล้วรู้สึกว่ายังไม่เวิร์ค ก็ลองเปลี่ยนไปใช้วิธีที่ 2 ได้ และถ้าเป็นกรณีสุดท้ายจริงๆ น้องๆ สามารถใช้วิธีที่ 3 กับ Data Representation และ Research Summaries Passages แต่ต้องแน่ใจว่าใช้เวลาอ่านไม่เกิน 2 นาที เพื่อให้มีเวลาตอบคำถามในทุก Passage ได้ครบ
สุดท้ายนี้ หาวิธีที่เหมาะกับตัวเองที่สุดแล้วฝึกฝนให้ชำนาญ การฝึกฝนเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้น้องๆ ประสบความสำเร็จใน ACT Science
แต่ถ้าน้องๆ รู้สึกว่าทำตามทั้งหมดนี้เองแล้วยังไม่ถนัด พี่ก็มี คอร์ส ACT Science ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยน้องๆ อย่างใกล้ชิด คอร์สนี้รวมทุกเทคนิคสำคัญที่ต้องใช้ในแต่ละประเภทของ Passage พร้อมตัวอย่างและแบบฝึกหัดมากมาย โดยจะมีการสอนเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวเอง ไปจนถึงการฝึกทำข้อสอบจริงในบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับสนามสอบ คอร์สนี้ยังรวมถึงคำแนะนำแบบเจาะจงสำหรับการจัดการเวลา วิธีอ่านเนื้อหาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ รวมถึงการฝึกวิเคราะห์คำถามแต่ละแบบที่มักพบในข้อสอบจริง
ถ้าน้องๆ ต้องการความมั่นใจและคำแนะนำเฉพาะบุคคล คอร์สนี้จะช่วยให้น้องๆ เตรียมตัวเต็มที่เพื่อพิชิตคะแนนสูงสุดใน ACT Science
Call : 064-954-7733
Line ID: @krupimhouse
Comments